เยือนวัดงามกลางกรุง สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งศิลปะและศรัทธา เปิดประตูสู่ความสงบใจ ใจกลางมหานครที่ไม่เคยหลับใหล

วัดบวรนิเวศวิหาร


วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ฝ่ายธรรมยุต ตั้งอยู่ริมถนนบวรนิเวศและถนนพระสุเมรุ  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระผนวช และได้เสด็จมาประทับที่วัดนี้เป็นครั้งแรกก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ 

วัดบวรนิเวศวิหาร สร้างโดย สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ "วังหน้า" ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้นิมนต์ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งขณะนั้นทรงพระผนวชอยู่ที่วัดราชาธิวาส ให้มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดบวรนิเวศวิหารแห่งนี้

วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เป็นสถานที่ที่รวบรวมศิลปกรรมของไทยไว้หลายช่วงสมัย ทั้งศิลปะไทยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ศิลปะแบบจีน หรือแม้กระทั่งศิลปะแบบตะวันตก 

พระอุโบสถ งดงามและโดดเด่นด้วยศิลปะผสมผสานทั้งแบบจีนและตะวันตก สร้างขึ้นโดยฝีมือช่างวังหน้าในรัชกาลที่ 3 เป็นอาคารตรีมุข มีลักษณะเป็นอาคาร 3 หลังต่อกัน หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและลวดลายปูนปั้น ตามพระราชนิยมของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3

พระสุวรรณเขต  พระประธานองค์ใหญ่ ประดิษฐานอยู่ด้านใน เป็นพระประธานองค์แรกของพระอุโบสถนี้ และพระพุทธชินสีห์ ประดิษฐานอยู่ข้างหน้าพระพุทธสุวรรณเขต เมื่อเข้ามายังในพระอุโบสถ จะเจอกับพระประธาน ซึ่งวัดบวรนิเวศราชวรวิหารจะมีความแตกต่างจากวัดอื่น ตรงที่จะมีพระประธานอยู่ด้วยกันถึงสององค์ พระประธานองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ทางด้านหลังคือ "พระสุวรรณเขต" เป็นพระพุทธรูปที่อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี และเป็นพระประธานเดิมในพระอุโบสถแห่งนี้

ส่วนพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ทางด้านหน้าคือ "พระพุทธชินสีห์" โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพทรงอัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก เป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่อดีต ซึ่งพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์เสด็จมาถวายสักการบูชาในโอกาสต่าง ๆ นับได้ว่าเป็นพระพุทธรูปที่สวยมากที่สุดองค์หนึ่ง

พระเจดีย์ เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แต่มาแล้วเสร็จในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ภายในพระเจดีย์ใหญ่ ประดิษฐานพระเจดีย์สำคัญ คือ "พระไพรีพินาศเจดีย์" เป็นพระเจดีย์ศิลา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น บรรจุพระพุทธวจนะ และ "พระเจดีย์กะไหล่ทอง" บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ฐานพระเจดีย์เป็นแท่นศิลา สลักภาพพุทธประวัติ ปางประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรมจักร และปรินิพพาน ด้านละปาง มีอักษรจารึก พระวาจา พระอุทาน และพระพุทธวจนะไว้เหนือแผ่นภาพสลักนั้นด้วย อีกทั้งพระเจดีย์ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญองค์หนึ่งนั่นคือ "พระไพรีพินาศ" เป็นพระพุทธรูปปางประทานพร พระหัตถ์ขวาหงายขึ้น งดงามด้วยศิลปะสมัยศรีวิชัย  

พระวิหารพระศาสดา ภายในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระศาสดา พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ซึ่งแต่เดิมประดิษฐานอยู่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดพิษณุโลก ต่อมาได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหารแห่งนี้ ทางด้านมุขหลังของพระวิหาร เราจะพบ "พระพุทธไสยา" ประดิษฐานอยู่ เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ศิลปะสมัยสุโขทัย นอกจากนี้ภายใต้ฐานของพระไสยายังบรรจุพระสรีรางคารของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย

แต่เดิมตามธรรมเนียมการสร้างวัดประจำรัชกาล เมื่อพระมหากษัตริย์พระองค์นั้น ๆ สวรรคต หรือมีการถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว จะมีการอัญเชิญพระสรีรางคารมาประดิษฐานไว้ที่ฐานพระประธานของวัดประจำรัชกาล หากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 เป็นต้นมา ไม่ได้มีการสร้างวัดประจำรัชกาลตามคติธรรมเนียมเดิมอีก แต่พระมหากษัตริย์ทรงรับวัดไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ในการบูรณปฏิสังขรณ์ต่าง ๆ และให้ถือว่าวัดนั้นเป็นวัดประจำรัชกาลไป ซึ่งวัดบวรนิเวศราชวรวิหารแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ จึงถือว่าเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ไว้ใต้ฐานพระพุทธชินสีห์ พระประธานในพระอุโบสถ รวมถึงพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยเช่นกัน


 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น