วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง) กรุงเทพฯ วัดสระเกศมี สิ่งน่าสนใจโดยเฉพาะ 8 จุดไฮไลท์ รอบภูเขาทอง “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า “วัดสระเกศ” เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมใช้ชื่อว่า วัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน (อาบน้ำ) เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325
8 จุดไฮไลท์ของการจัดงาน จุดแรก “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” มีอายุกว่า 200 ปี ความว่าสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชทรงส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในลังกา ทรงโปรดให้นำหน่อพระศรีมหาโพธิ์ไปปลูกที่ศรีลังกา จากนั้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ได้มีการส่งสมณทูต โดยมีพระอาจารย์ดี พระอาจารย์เทพ จากวัดสระเกศ เป็นหัวหน้าสมณทูต ไปสืบพระพุทธศาสนาในลังกา กษัตริย์ลังกา ได้พระราชทานหน่อพระศรีมหาโพธิ์ถวายรัชกาลที่ 2 จำนวน 3 หน่อ ทรงโปรดให้ปลูกที่หน้าพระอุโบสถ วัดสระเกศ วัดสุทัศน์ และวัดมหาธาตุ โดยพระองค์เสด็จพระราชดำเนินทรงปลูกโดยพระองค์เอง ซึ่งตรงกับ พุทธศักราช 2357 และได้พระราชทานน้ำสรงต้นพระศรีมหาโพธิ์ในวันสงกรานต์ จึงนับเป็นโบราณราชประเพณีปฏิบัติสืบเนื่องมาเป็นประจำทุกปี
จุดที่ 2 พระอุโบสถ หลวงพ่อพระประธาน “พระอุโบสถวัดสระเกศ” เป็นที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระประธาน” พระพุทธรูปปางสมาธิที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้บูรณะใหม่พร้อมกับการสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่แทนพระอุโบสถหลังเดิมของวัดสระแก ในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระอุโบสถนั้นตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว อยู่บนลานกระเบื้องสีเหลืองนวลลวดลายโบราณ มีพัทธสีมากำหนดเขตพระอุโบสถประดิษฐานอยู่รอบ 8 ทิศ ในซุ้มทรงกูบช้าง ประดับด้วยกระเบื้องที่สั่งมาจากเมืองจีนอย่างวิจิตรสวยงาม และที่หน้าบันพระอุโบสถทั้งด้านหน้า-หลัง สลักลายกนก ลายก้านขดประดับกระจกสี ตรงกลางประดับรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ
จุดที่ 3 “พระวิหาร” เป็นที่ประดิษฐาน “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” โดยเป็นพระพุทธรูปยืนศิลปะสมัยสุโขทัยตอนต้น อายุกว่า 700 ปี และเป็นพระพุทธรูปยืนที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพมหานคร มีความสูงถึง 10.75 เมตร โดยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญมาจาก “วัดวิหารทอง” วัดประจำพระราชวังจันทน์ จังหวัดพิษณุโลก จวบจนปัจจุบัน
จุดที่ 4 “พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง)” รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นไว้เป็นปูชนียสถานในพระนครเหมือนดั่งที่กรุงเก่ามีวัดภูเขาทอง แต่เนื่องจากที่ตั้งนั้นอยู่ติดน้ำจึงได้เกิดการทรุดลงเสมอ ครั้นพอถึงสมัยรัชกาลที่ 4 จึงโปรดเกล้าให้สร้างใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2406 ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นภูเขา มีพระเจดีย์อยู่ด้านบน และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอด มีบันไดเวียนขึ้นลง 2 สาย และโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อจากภูเขาทองเป็น "บรมบรรพต" แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จ จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ทำการก่อสร้างพระบรมบรรพตจนแล้วเสร็จและงดงามมาจนถึงปัจจุบัน
“หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่สันนิษฐานว่าสร้างในช่วงยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ โดยสร้างไว้ให้ผู้ที่ไม่สามารถขึ้นไปบูชาบนองค์บรมบรรพตได้บูชาที่พระพุทธรูปองค์นี้แทน
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปหล่อ ปิดทอง ในสมัยรัชกาลที่ 3 หน้าตักกว้าง 7 ศอก 1 คืบ ส่วนสูง 10 ศอก นับว่าเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยโลหะที่ใหญ่มากองค์หนึ่ง พระพุทธรูปที่ใหญ่ขนาดนี้ส่วนมากปั้นด้วยปูน ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อโต” เนื่องจากเป็นพระพุทธรูปใหญ่นั้นเอง
และอีก 2 จุดสุดท้าย คือ "ศาลาการเปรียญ" และ "ลานกิจกรรมพระเจดีย์ทราย เจดีย์ข้าวสาร"

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น